ในปี 1994 เมื่อโดเมนิโก เด โซเล (Domenico de Sole) ผู้บริหารกุชชี แต่งตั้ง ทอม ฟอร์ด ให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของกุชชีนั้น ทอม ฟอร์ด ยังเป็นดีไซเนอร์ที่ไม่มีใครรู้จักทั้งๆที่ทำงานกับแบรนด์เนมนี้ตั้งแต่ปี 1990 การทำงานที่เข้ากันได้ดีระหว่างสองคนนี้ทำให้กิจการของกุชชีกลับมาเรืองรุ่ง ได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดเมนิโก เด โซเลและ ทอม ฟอร์ด เปรียบเสมือนคู่แฝดในวงการแฟชั่น เรียกชื่อกันสั้นๆว่า Dom-Tom แม้ โดเมนิโก เด โซเล จะเป็นผู้บริหารและ ทอม ฟอร์ด เป็นดีไซเนอร์ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าอัจฉริยภาพของ ทอม ฟอร์ด ทำให้เขามีอำนาจเด็ดขาดในการรังสรรค์ผลงานทุกด้านในนามของกุชชี ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่นเสื้อ ส่วนประกอบแฟชั่น น้ำหอม และแม้แต่แคมเปญโฆษณาดังนั้น ทอม ฟอร์ด จึงเป็นภาพลักษณ์ของกุชชี และกุชชีคือทอม ฟอร์ด
ทอม ฟอร์ด กลายเป็นดีไซเนอร์ดังที่ใครๆต้องจับตามอง เป็นดีไซเนอร์ที่จับต้องอะไรกลายเป็นเงินทองไปหมด ห้องเสื้อดังอยากได้ไปทำงานด้วย ทว่าเขาขออยู่คู่กับกุชชี การทำงานแบบสองประสานดำเนินไปด้วยดีจนกลุ่ม PPR (Pinault-Printemps-Redoute) เข้าบริหารกลุ่มกุชชี นักธุรกิจอย่าง ฟรองซัวส์ ปิโนลท์ (Francois Pinault) ที่ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อเป็นหุ้นใหญ่ของกลุ่มกุชชี มีหรือจะปล่อยให้ “คนนอก” ที่ตนไม่เคยคุ้นบริหารกิจการของตนอย่างสบายมือ นั่นเป็นที่มาของ “ปัญหา” Dom-Tom ที่เคยใหญ่คับกุชชี กลับถูกจำกัดอำนาจ แผนงานต้องผ่านความเห็นชอบของ นายแซร์จ ไวน์แบร์ก (Serge Weinberg) ประธานกลุ่ม PPR และ นายฟรองซัวส์-อองรี ปิโนลท์ (Francois-Henri Pinault) ลูกชาย นายฟรองซัวส์ ปิโนลท์ และเป็นประธานบริษัท Artemisบริษัทลูกของ PPR ที่ดำเนินธุรกิจสินค้าหรู
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่ม PPR ซื้อกิจการห้องเสื้ออีฟส์ แซงต์-โลรองต์ (Yves Saint-Laurent) ยังมอบหมายให้ ทอม ฟอร์ด เป็นดีไซเนอร์คอลเลคชั่นเสื้อสำเร็จรูปของแบรนด์เนมฝรั่งเศสนี้ อาจจะด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ ทอม ฟอร์ด มั่นใจว่าตนยังมีความสำคัญและเป็น “ความจำเป็น” ของกลุ่ม PPR โดเมนิโก เด โซเล และ ทอม ฟอร์ด คงคิดว่าตนเป็น “ผู้สร้าง” กุชชีมากับมือเป็นเวลานับสิบปี จนเป็นที่เลื่องลือทั่วยุทธจักร อย่างไรเสีย กลุ่มนายทุนคงไม่ยอมสูญเสียตนไปเป็นแน่แท้ การต่อรองจึงเกิดขึ้น Dom-Tom ขอปรับเงินเดือนและอิสรภาพในการทำงาน กลุ่ม PPR อาจเห็นว่าในช่วงปีหลังยอดขายของกุชชีตก ประกอบกับภาพลักษณ์ของ ทอม ฟอร์ด ไม่อาจทำให้ผลประกอบการของห้องเสื้ออีฟส์ แซงต์-โลรองต์ดีขึ้น เพราะยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง การเจรจาหลายครั้งไม่บรรลุผล จนเป็นที่มาของการแตกหัก

ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของ The Wall Street Journal ฉบับยุโรป จอห์น เรย์ (John Ray) จะรับผิดชอบเสื้อบุรุษของกุชชี อเลสซานดรา ปัคคีเนตตี้(Alessandra Pacchinetti) เป็นดีไซเนอร์เสื้อสตรี และ สเตฟาโน ปิลาติ (Stefano Pilati) เป็นดีไซเนอร์ทั้งเสื้อบุรุษและสตรีของอีฟส์ แซงต์-โลรองต์ ลือกันว่าก่อนหน้านี้กลุ่ม PPR ทาบทาม อเล็กซานเดอร์ แมคควีน (Alexander McQueen) มาเป็นดีไซเนอร์ห้องเสื้ออีฟส์ แซงต์-โลรองต์ แต่เขาปฏิเสธเพราะอยากพัฒนาห้องเสื้อของตนมากกว่า อย่างไรก็ตาม แซร์จ ไวน์แบร์ก ไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ พร้อมกับเสริมว่ากลุ่มกุชชีที่มีมูลค่าถึง 2.5 พันล้านยูโร มีบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย ไม่อาจหวังพึ่งคนเพียงสองคนเท่านั้น เพราะจะไม่ยุติธรรมสำหรับพนักงานอีก 11,000 คน อีกทั้งชื่อเสียงและความสำเร็จของผลิตภัณฑ์กุชชีต่างหากที่ทำให้ ทอม ฟอร์ด ดังขึ้นมา ไม่ใช่ ทอม ฟอร์ด ที่ทำให้กุชชีดัง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนยังกังขาไม่หายว่ากุชชีจะสามารถไปได้ดีหรือไม่เมื่อปราศจาก ทอม ฟอร์ด ผู้ซึ่งใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ ทว่า แซร์จ ไวน์แบร์ก มีความเห็นต่างไป เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถมีโอกาสทำงานเหมือนที่ ทอม ฟอร์ด เคยได้รับโอกาสแบบนี้เมื่อสิบปีที่แล้ว กลุ่ม PPR โดยผ่านบริษัท Artemis มีสินค้าหรูในครอบครองหลายยี่ห้อด้วยกัน ได้แก่ กุชชี (Gucci) อีฟส์ แซงต์-โลรองต์ (Yves Saint-Laurent) เครื่องสำอางอีฟส์ แซงต์-โลรองต์ (Yves Saint-Laurent Beaute) แซร์โจ้ รอสซี (Sergio Rossi) บูเชอร็ง (Boucheron) บอตเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta) อเล็กซานเดอร์ แมคควีน (Alexander McQueen) สเตลลา แมคคาร์ทนีย์ (Stella McCartney) บาเลนเซียก้า (Balenciaga) โรเจร์เอต์กัลเลต์ (Roger & Gallet) แต่ละยี่ห้อควรมีผู้บริหารและดีไซเนอร์อย่างละหนึ่งคนเพื่อความคล่องตัวในการทำงาน แต่ทุกยี่ห้อจะมีผู้อำนวยการฝ่ายการเงินคือ นายอเล็กซิส บาโบ (Alexis Babeau) เป็นผู้กำกับดูแลอีกทีหนึ่ง
ทันทีที่ Dom-Tom ประกาศลาออก นายแซร์จ ไวน์แบร์ก เดินทางไปอิตาลีและลอนดอน ขณะที่ นายฟรองซัวส์-อองรี ปิโนลท์ ไปนิวยอร์กเพื่อตรวจตลาดของกุชชี แล้วจึงวางแผนปฏิรูป ในแผนงานใหม่ ต้องมีความร่วมมือ ใกล้ชิด ระหว่างประธานกลุ่ม PPR และผู้อำนวยการของกุชชี ซึ่งจะต้องเป็นนักบริหารที่มีความเป็นอินเตอร์และรู้จักโลกของสินค้าหรูอย่างลึกซึ้ง คนที่เข้าสเป็คดูเหมือนจะเป็นอัน โตนิโอ เบลโลนี(Antonio Belloni) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการของกลุ่ม LVMH อันเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นอริกับกลุ่ม PPR และอดีตประธานบริษัท Procter & Gamble Europe ดูเหมือนว่ากลุ่ม PPR จะไม่กังวลกับการสูญเสีย ทอม ฟอร์ด นัก เมื่อคำนึงถึงว่าแม้โกโก้ ชาแนล และคริสติออง ดิออร์ จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ห้องเสื้อชาแนล และดิออร์ยังคงอยู่ นอกจากนั้นเบอร์เบอรีซึ่งหายเงียบไปนาน ก็ยังสามารถคืนกลับวงการแฟชั่นได้ ด้วยว่าแบรนด์เนมเหล่านี้ได้สร้างชื่อไว้นานปี อีกทั้งผู้บริโภคสนใจซื้อสินค้าที่มีโลโก้เหล่านี้มากกว่าจะสนใจว่าใครเป็นผู้ออกแบบ
credit: http://eak-za.blogspot.com