Monday, April 5, 2010

เรื่องราวของน้ำหอม (The history of perfumes and fragrance)

เรื่องราวของน้ำหอม (The history of perfumes and fragrance)

กลิ่นหอม เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สามารถครอบงำอารมณ์ความรู้สึกและจิตใจ มนุษย์เราได้ในสมัยโบราณกรรมวิธีในการผลิต น้ำหอม และเครื่องหอมต่าง ๆ ถูกเก็บไว้เป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในชนชันสูง ซึ่งคนธรรมดาสามัญไม่มีโอกาสจะเรียนรู้ได้ ถือกันว่าเป็นศาสตร์ลี้ลับที่ใช้ในการสร้างเสน่ห์ของหญิงสาว

ปัจจุบัน ผู้หญิงและผู้ชายใช้ น้ำหอม กันเป็นประจำทุกวัน กลิ่นที่ถูกผลิตออกมาก็มีความหลากหลายกว่าสมัยโบราณ น้ำหอม กลายเป็นอุตสาหกรรมวิธีการทำ น้ำหอม เป็นที่เปิดเผยกันทั่วไปไม่ได้เป็นเรื่องของศาสตร์ลึกลับอีกแล้ว คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้เช่นเดียวกับคนระดับสูง

ระดับกลิ่นของน้ำหอม

ปกติระดับกลิ่นของน้ำหอมจะไม่คงที่แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนระดับของกลิ่นไปเรื่อยตามกาลเวลา กลิ่นของน้ำหอม มี 3 ระดับ กลิ่นแรก (Top Notes) กลิ่นกลาง (Middle Notes) และกลิ่นพื้นฐาน (Base Notes)
  • เมื่อฉีดน้ำหอม ครั้งแรก กลิ่นที่จะได้รับจะมีลักษณะหอมสดชื่นและบางเบา กลิ่นแรก นี้จะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว
  • กลิ่นต่อไปคือ กลิ่นกลาง ที่ถือว่าเป็นหัวใจของ น้ำหอม เป็นช่วงที่กลิ่นจะกระจายตัวอย่างเต็มที่บนผิวกาย จะคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง
  • กลิ่นสุดท้าย คือ กลิ่นพื้นฐาน ซึ่งเป็นกลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งจะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง และค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
ประเภทของน้ำหอม

นํ้าหอมนั้นเป็นผลของส่วนผสมหลัก 2 อย่าง นั่นก็คือ นํ้ามันหอม (Fragrant Oils) ที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วยแอลกอฮอล์ (Alcohol) ระดับความเข้มข้นของความหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งระดับความเข้มข้นนี้จะมีระดับความเข้มข้นที่ต่างกันไป เราจึงแบ่งนํ้าหอมออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ตามระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมได้ดังนี้
  • Eau de Parfum คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 15-18 %
  • Eau de Toilette คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 4-8 %
  • Eau de Cologne คือนํ้าหอม ที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอม ในสัดส่วนที่ 3-5 %
นํ้าหอมที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่นั้น จะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่นิยมใช้กันนั้นจะเป็น Eau de Toilette เสียมากกว่า ซึ่งความหอมระดับนี้ จะมาเป็นส่วนประกอบในสินค้าอื่นๆ นอกจาก นํ้าหอมด้วย เช่น โลชั่นทาผิว, สบู่, โฟมอาบนํ้า และอีกมากมาย

การเลือกซื้อน้ำหอม

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนํ้าหอมบอกว่า เป็นการยากมากกับการที่เขาจะแนะนำนํ้าหอมให้กับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนก็จะมี Style และรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเลยก็ว่าได้

ดังนั้นเมื่อคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมตามสถานที่ต่าง ๆ คุณจำเป็นต้องมีความรู้ในการเลือกซื้อ ซึ่งก็มีวิธีการเรื่องที่เป็นเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • เวลาที่คุณไปเลือกซื้อนํ้าหอมนั้น ก่อนการเลือกซื้อถ้าเป็นไปได้ เราไม่ควรที่จะรับประทานอาหารที่มีรสจัด, ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะส่งผลต่อการรับรู้ ทำให้เรารับรู้กลิ่นนํ้าหอมได้ผิดเพี้ยนไป

  • นอกจากนี้ เรายังไม่ควรไปเลือกซื้อนํ้าหอมในช่วงที่เราเพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบาย หรือเพิ่งสูบบุหรี่เสร็จ เพราะการกระทำเช่นนี้ก็จะมีผลต่อการรับรู้กลิ่น ทำให้กลิ่นนํ้าหอมที่เราสัมผัสผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน

  • ในส่วนของเวลาที่เราทดลองนํ้าหอมที่เราไปเลือกซื้อนั้น จุดที่ดีที่สุดของร่างกายที่เราทดลองฉีดนํ้าหอมนั้น ก็คือตรงบริเวณ "ข้อมือ" นั่นเอง

  • ในกรณีที่เราทดลองนํ้าหอมมากกว่าหนึ่งกลิ่น เราก็ควรใช้ข้อมืออีกข้างหนึ่ง และถ้าเราทดลองนํ้าหอมมากกว่า 2 กลิ่นนั้น บริเวณที่เราควรฉีดนํ้าหอมลงไปก็คือ บริเวณแขนที่ไล่จากข้อมือของเราขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

  • เมื่อเราฉีดนํ้าหอมไปในบริเวณที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เราไม่ควรที่จะตัดสินใจเลือกซื้อนํ้าหอมจากกลิ่นที่เราได้สัมผัส ณ เวลานั้นทันที เราควรทิ้งไว้อย่างน้อยที่สุดประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นไปได้ควรจะประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงตัดสินใจ เลือกซื้อ แต่ในปัจจุบันนํ้าหอมแต่ละยี่ห้อนั้นได้ทำ Blotting paper ให้เราได้ทดลองกลิ่นนํ้าหอม แต่วิธีนี้ดีสำหรับการรับรู้กลิ่นในสัมผัสแรก และดีสำหรับการทดลองกลิ่นนํ้าหอมหลาย ๆ กลิ่นในเวลาเดียวกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับการที่คุณทดลองนํ้าหอมด้วยผิวหนังของคุณเอง
วิธีการใช้น้ำหอม

วิธีการใช้นํ้าหอมนั้นเราควรจะฉีดนํ้าหอมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดังนี้
  • เพื่อให้นํ้าหอมได้ทำหน้าที่ในการส่งกลิ่นหอมให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราควรฉีดนํ้าหอมตรงชีพจร, ข้อมือ, กระดูกไหปลาร้า, สะดือ, หรือแม้แต่บริเวณข้อพับขาของเราเอง

  • เราไม่ควรฉีดนํ้าหอมตรงบริเวณด้านหลังใบหู เพราะตรงบริเวณนี้กลิ่นนํ้าหอมและแอลกลอฮอล์จะระเหยไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง

  • บางคนก็จะฉีดนํ้าหอมหลังจากเราอาบนํ้าเสร็จใหม่ ๆ ในขณะที่ผิวกำลังมีความชื้นอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็จะทำให้ กลิ่นนํ้าหอมนั้นติดทนนานมากยิ่งขึ้น

  • ในบางคนก็แนะนำให้ใส่นํ้าหอมลงไปผสมในนํ้าสุดท้ายที่เราใช้ซักชุดชั้นใน เพื่อที่จะให้กลิ่นนํ้าหอมนั้นเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเลยทีเดียว
การเก็บรักษาน้ำหอม

ในเรื่องของการเก็บรักษานํ้าหอมนั้น เราควรรับรู้ไว้ว่านํ้าหอมจะ ได้รับผลและเกิดปฏิกิริยาโดยตรงกับอากาศ, ความร้อน, แสง

ดังนั้น เราควรที่จะเก็บขวดนํ้าหอม ไว้ในสถานที่ที่มีความเย็น มืด ซึ่งการเก็บนํ้าหอมตามวิธีนี้นั้น คุณจะสามารถเก็บรักษานํ้าหอมของคุณ ได้นานถึง 20 ปีเลยทีเดียว โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมก็จะไม่เปลี่ยนไป ถ้าคุณเก็บนํ้าหอมไม่ถูกวิธี นํ้าหอมของคุณก็จะเสื่อมลง และก็จะกายเป็นกรดไปในที่สุด



ข้อมูลจาก :
sanook.com
www.dei.ac.th/index/content/beauty_002.html
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...